ความเป็นมาเกษตรทฤษฎีใหม่ ปรัชญาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำรงชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 40 ปีแล้ว (2517) ตั้งแต่ก่อนวิกฤติทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ทางสายกลาง) แนวคิด : แนวทางการดำรงอยู่ การปฏิบัติตนในทุกระดับ ครอบครัว ชุมชน รัฐ - ในการพัฒนา บริหารประเทศ หลักการ : พอประมาณ คือไม่มาก/น้อยเกินไป/ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น, มีเหตุผล คือพิจารณาเหตุที่เกี่ยวข้อง/ ผลกระทบ, มีภูมิคุ้มกัน คือเตรียมตัวพร้อมรับผลกระทบ/การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เงื่อนไข : ความรอบรู้ คือความรู้ในตัวคน ในหลักวิชา รอบคอบ ระมัดระวัง และคุณธรรม คือซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน มีความเพียร แบ่งปัน เป้าประสงค์ : เชื่อมโยงวิถีชีวิต/เศรษฐกิจ/สังคม/สิ่งแวดล้อม/การเมือง, สร้างสมดุล/มั่นคง/เป็นธรรม/ยั่งยืน พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรทฤษฎีใหม่ คือการจัดการทรัพยากรระดับไร่นา ที่ดิน แหล่งน้ำ เพื่อการเกษตรแบบผสมผสานบนที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด คู่ขนานด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบความยากลำบากให้สามารถผ่านวิกฤติ โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำได้อย่างไม่เดือดร้อนและยากลำบากนัก การดำเนินงานมี 3 ขั้นตอน ดังนี้
ทฤษฎีใหม่ขั้นต้น ขั้นที่ 1 ทฤษฎีใหม่ขั้นต้น (พออยู่พอกิน พึ่งตนเองได้) การจัดสรรพื้นที่ทำกินและที่อยู่อาศัย ให้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30 : 30 : 30 : 10 ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ให้ขุดสระน้ำเก็บกักน้ำฝนสำรองไว้ใช้ปลูกพืชในฤดูแล้งตลอด จนเลี้ยงสัตว์น้ำ พืชน้ำต่าง ๆ 30% ส่วนที่ 2 ใช้ปลูกข้าวในฤดูฝน ซึ่งเป็นอาหารหลักให้เพียงพอตลอดปี ลดค่าใช้จ่าย พึ่งพาตนเองได้ 30% ส่วนที่ 3 ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร เพื่อเป็นอาหารประจำวัน หากเหลือนำไปแบ่งปันเพื่อนบ้านและจำหน่าย 30% ส่วนที่ 4 ที่อยู่อาศัย สัตว์เลี้ยง และโรงเรือน 10% ทฤษฎีใหม่ขั้นกลาง ขั้นที่ 2 ทฤษฎีใหม่ขั้นกลาง (พอมีอันจะกิน ชุมชนเข้มแข็ง) เมื่อเกษตรกรได้ปฏิบัติในที่ดินของตนจนได้ผลแล้วให้รวมพลังร่วมแรงร่วมใจในกลุ่มสหกรณ์ดำเนินการในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1. การผลิต : ร่วมมือกันตั้งแต่เตรียมดิน หาพันธุ์พืช ปุ๋ย แหล่งน้ำ และอื่น ๆ 2. การตลาด : เมื่อมีผลผลิตแล้ว ควรเตรียม การโดยรวมกัน ขายให้ได้ประโยชน์สูงสุด 3. ความเป็นอยู่ : เกษตรกรต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีพอสมควร มีปัจจัยพื้นฐาน การดำรงชีพที่พอเพียง 4. สวัสดิการ : ชุมชนควรมีสวัสดิภาพและบริการที่จำเป็น เช่น สถานีอนามัยเมื่อยามป่วยไข้ มีกองทุนไว้กู้ยืม 5. การศึกษา : ชุมชนควรส่งเสริมการศึกษา เช่น มีกองทุนเพื่อการศึกษาเล่าเรียนแก่เยาวชน สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น 6. สังคมและศาสนา : ชุมชนควรเป็นที่รวมในการพัฒนาสังคมและจิตใจ การแบ่งปันปลูกฝังจริยธรรม ทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้า ขั้นที่ 3 ทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้า (ประสานแหล่งทุน ครอบครัวมั่นคง) เมื่อเกษตรกรได้ดำเนินการผ่านขั้นที่สองแล้ว เกษตรกรจะมีรายได้ดีขึ้นฐานะมั่นคงขึ้น ควรพัฒนาให้ก้าวหน้า คือ ติดต่อประสานงาน เพื่อจัดหาทุนแหล่งเงิน เช่น ธนาคาร บริษัทห้างร้านเอกชน มาทำธุรกิจลงทุนพัฒนาและได้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนี้ 1. เกษตรกรขายผลผลิตในราคาที่เป็นธรรมไม่ถูกกดราคา 2. บริษัท ธนาคาร ผู้ประกอบการ สามารถซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรงราคาจึงไม่สูงเกินไป 3. เกษตรกรสามารถซื้อเครื่องอุปโภค ปัจจัยการผลิต ในราคาขายส่งเพราะรวมกันซื้อ 4. ธนาคารหรือองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง สามารถกระจายบุคคลากรเข้าดำเนินการ กิจกรรมต่าง ๆ ได้เกิดผลดียิ่งขึ้น
กิจกรรมในแปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประกอบด้วย 9 กิจกรรมได้แก่ 1. กิจกรรมการปลูกพืชผัก 2. กิจกรรมการปลูกกล้วย 3. กิจกรรมการปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น 4. กิจกรรมการปลูกข้าว 5. กิจกรรมการผลิตปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ 6. กิจกรรมการเลี้ยงไก่พื้นเมือง 7. กิจกรรมการเลี้ยงสุกรแบบประยุกต์ 8. กิจกรรมการเลี้ยงปลาในกระชัง 9. กิจกรรมการปลูกพืชสมุมไพร
ท่านสามารถติดต่อเข้าศึกษาดูงานได้ที่ : 053-873429 งานสนับสนุนโครงการตามพระราชดำริ 053-873400 สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร (ในวันและเวลาราชการ)
รับชมวีดิทัศน์ >> แนะนำแปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
English >> The New Theory Agriculture of Majesty King Bhumibol Adulyadej
|